สองครอบครัว “ฟอส”- “ปลาย”เหยื่อปืนโหดยืนยันลูกสองคนไม่ใช่คู่รักกัน แถมน้องฟอสมีจิตใจเป็นหญิง แฉไอ้เสี่ยอ้วนหึงรุนแรงเคยทำร้ายร่างกายน้องปลายหลายครั้งจนต้องหลบหนียอมรับเสี่ยอ้วนเคยโอนเงินเข้าบัญชีพ่อถึง 1 ล้านบาทไม่ใช่เป็นการหลอกลวงขอกระบวนการยุติธรรมจับตัวมาลงโทษให้สาสม ขณะที่แม่ฟอส เผยลางร้ายบอกเหตุก่อนลูกตายฝันเห็นทั้งคู่เลือดท่วมตัว ถามฆ่าลูกฉันทำไม
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนยิง นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี และ น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี ชาวอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งสองยังเป็นคู่รักกันจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเข้าชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งตำรวจได้จับทีมไล่ล่าคนร้ายที่คาดว่าเป็นเสี่ยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์รายงาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิจากจังหวัดชลบุรี ได้นำศพของ น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ และ นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ สองคู่รักซึ่งถูกมือปืนยิงอย่างโหดเหี้ยมที่บริเวณลานจอดรถเขาชีจรรย์ โดยนำศพได้เดินทางมาถึงเมื่อเวลา 23.00 น. และเจ้าหน้าที่ได้นำศพตั้งแยกกัน โดยศพ น.ส.ปวีณา หรือสปาย ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 1 บ้านนาตาล ตำบลนาตาล ส่วนศพของ นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 63 บ้านนาตาลหมู่ที่ 12 และในช่วงเช้า ชาวบ้านพากันมาทำบุญบำเพ็ญกุศลศพ ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยมี นายเวนิช ชูศรีพัฒน์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าคันโท นายวราวุฒิ ตุลาพัฒน์ สาธารณสุขอำเภอท่าคันโท และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าคนโท เข้าให้กำลังใจ
นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ อายุ 41 ปี กล่าวว่า ปลายและฟอส เป็นเพื่อที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำอำเภอ และได้ไปเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานีประมาณ 1 เทอมแล้วลาออก เพราะต้องการที่จะหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวด้วยการไปทำงานตามสถานบันเทิง โดยเฉพาะที่ จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ต้นปี 2559 เพราะพี่สาวที่รู้จักกันในหมู่บ้านทำงานที่นั่นบอกได้เงินดี และที่ผ่านมาก็ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ที่แรกก็ตกใจจึงได้แอบไปดูลูกเพราะกลัวว่าจะไปขายตัวแต่ลูกก็ยืนยันว่าในชีวิตไม่เคยคิดที่จะขายตัวจึงปล่อยให้ลูกทำงาน และลูกบอกว่ามีเสี่ยอ้วนมาติดพันและบอกว่าต้องการที่จะได้น้องปลายเป็นเมีย แต่ตนให้ไม่ได้เพราะหากต้องการก็จะต้องมาสู่ขอ แต่ปรากฏว่าเมื่อถามลูกสาวเค้าก็ไม่ยอมรับเพราะเสี่ยอ้วนเป็นคนอารมณ์รุนแรงมีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต
“ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นในช่วง ปลายปี 2559 ลูกสาวได้โทรมาเล่าให้ฟังตลอดว่าทุกครั้งที่ “เสี่ยอ้วน” เห็นลูกสาวไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนก็จะเดินเข้าไปฉุดกระชาก บางครั้งก็จะเดินเข้าไปบีบคอ ทำร้ายร่างกาย ปลายปี 2560 จึงได้ไปทำงานที่ จังหวัดนครปฐม แต่เสี่ยอ้วนก็ยังคงติดตามหา จนในช่วงต้นปี 2561 ตนกับลูกสาวมีความคิดที่จะซื้อรถลูกสาวก็ได้บอกว่าจะโอนเงินมา และเสี่ยอ้วน ก็รู้ว่าจะซื้อรถ และบอกว่าจะโอนเงินให้ไปซื้อรถ 1 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นครอบครัวปฏิเสธ แต่แล้วก็มีเงินเข้ามาในบัญชีถึง 1 ล้านบาท ซึ่งเสี่ยอ้วนก็โทรมาบอกว่าให้ พ่อกับแม่ไปซื้อรถ”นางวันเพ็ญ กล่าว
นางวันเพ็ญ นาเมือรักษ์ แม่น้องปลาย ยืนยันว่า ครอบครัวและน้องปลายไม่เคยคิดที่จะไปปอกลอกเลย แต่เสี่ยอ้วนแม้แต่หยิบยืนเงินให้ทั้งที่น้องปลายปฏิเสธเหมือนกับเป็นการจะใช้เงินซื้อลูกสาว แต่ลูกสาวไม่ชอบเพราะเป็นผู้มีอิทธิพลจึงพยามออกห่าง แต่ก็ต้องมาเจอเช่นนี้ ขอให้ตำรวจจับคนร้ายมาให้ได้และให้เสี่ยอ้วนมารับกรรม ความเสียใจนั้น หากฆ่าคนไม่ผิดกฎหมายตนก็อยากจะฆ่ามันให้ตายเหมือนกันหากไม่ผิดกฏหมาย สิ่งห่วงขณะนี้คือความยุติธรรมเพราะเสี่ยอ้วนเคยโทรมาขู่ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เงินสามารถซื้อได้ทุกเรื่องและเคยซื้อตำรวจมาแล้วเพราะก่อนหน้ายิงคนตายก็ไม่ติดคุก แต่ก็เชื่อว่ากฎหมายจะดำเนินคดีได้
ขณะที่บ้านของ นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ พ่อแม่และญาติยังอยู่ในภาวะความเสียใจและต้องการให้จับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและยืนยันว่า ทั้งสองคนไม่ใช่คู่รักกันแน่นอน เพราะ น้องฟอส มีจิตใจเป็นผู้หญิง
นางจอมศรี ชมพูพื้น อายุ 43 ปี แม่ฟอส กล่าวว่า ตั้งแต่รู้ข่าวว่าลูกชายถูกยิงตายไปกับน้องปลายรู้สึกเสียใจมาก และไม่เข้าใจว่ายิงลูกชายทำไม เพราะทั้งฟอสและปลาย ไม่ใช่คู่รักกัน เป็นเพื่อสนิทเป็นญาติด้วยซ้ำไปเพราะ พ่อของตนกับพ่อของน้องปลายเป็นพี่น้องกัน ซึ่งทั้งคู่ก็เติบโตมาด้วยกันอีกทั้งลูกชายจะมีนิสัยเป็นผู้หญิง และชอบแต่งหญิงเมื่อมีงานรำก็จะแต่งหญิงออกไปรำ เพราะอะไรที่ทำแล้วได้เงินลูกชายก็จะทำเพราะเค้ารักแม่
“ตนอยากถามว่ามายิงลูกของฉันทำไม เค้าไปทำอะไรให้ ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย ลูกชายจะออกเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำทำไมถึงทำอย่างนี้ ขอให้ผู้ที่ได้ยินข่าวนี้ให้ช่วยติดตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ด้วย”นางจอมศรี กล่าว
นางจอมศรี กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายสองวัน ยายของน้องฟอส ได้ฝันว่าเห็นลูกทั้งสองคนเดินมามีเลือดท่วมตัว ซึ่งก่อนหน้าก็เตือนว่าอย่าออกไปไหนจะไปเมืองนอกก็ไม่ต้องไป ในส่วนของตนก็ฝันว่ามีคนมาขอลูกชายไปอยู่ด้วย ซึ่งในฝันตนก็ให้ไปก็ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องนี้
ส่วนประวัติของ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ ชื่อเล่นปลาย แต่เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันมักเรียกชื่อกันว่าสปาย ถือเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดี และเคยเข้าประกวดนางงามท่าคันโท รณรงค์ไม่กินปลาดิบ จากนั้นก็จะเดินสายไปประกวดเวทีต่างๆ แต่เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กก็จะไม่ชนะการประกวด ขณะที่ นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ ถือเป็นเด็กที่โตขึ้นมาด้วยนิสัยร่าเริงแต่มีจิตใจเป็นหญิง ในหมู่บ้านจะเรียกกันว่า “สาวฟอส”
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ตำรวจเข้าดูแลความปลอดภัย ให้กับครอบครัวผู้เสียหาย โดยในส่วนของทางอำเภอท่าคันโท ก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษาทางด้านกฏหมายอย่างเต็มที่ ขณะที่ มีรายงานว่า ศพของ นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ มีกำหนดจะฌาปนกิจ ในวันที่ 1 สิงหาคม ส่วนศพของ น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ จะฌาปนกิจในวันที่ 2 สิงหาคม ที่วัดบ้านนาตาล ตำบลนาตาล อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์
/ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์