จากกรณีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูก เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก ในเขตอภัยทานของวัดธรรมิการามวิหาร ตรงข้ามศาลาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 12 มิถุนายน 2501 ถูกเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวิหารตัดโค่นถอนรากถอนโคน ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยทานโทษถึงสำนักพระราชวัง พร้อมตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
วันที่ 8 กันยายน 2561
นายทิวา ศุภจรรยา ผู้อำนวยการสถาบันถิ่นฐานไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเป็นชาวประจวบคีรีขันธ์ขอเรียกร้องให้หน่วยงานระดับจังหวัดและหน่วยงานส่วนกลาง รวมทั้งองค์กรผู้ปกครองสงฆ์ภาค 14 ภาค 15 ฝ่ายธรรมยุติแสดงความรับผิดชอบและเร่งหาข้อสรุปเพื่อให้มีข้อยุติโดยเร็ว เนื่องจากต้นศรีมหาโพธิ์บนเขาช่องกระจกถือเป็นสิ่งล้ำค่าในเชิงสัญลักษณ์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ไม่ควรเกิดวิกฤตในลักษณะนี้ สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เนื่องจากทราบว่าที่ผ่านมาจังหวัดไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทำให้มีการฉวยโอกาสขุดต้นไม้สำคัญ เพื่อนำไปทำเครื่องรางของขลังบางอย่างแสวงหาประโยชน์เพื่อพุทธพาณิชย์ ทั้งที่ต้นศรีมหาโพธิ์จะมีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ขณะที่พื้นที่บนเขาช่องกระจก ปัจจุบันวัดธรรมิการามไม่ได้เป็นผู้รับสิทธิครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์แต่อย่างใด
นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในฐานที่ตนเป็นประธาน จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าวัดเคยครอบครองที่ดินบนเขาช่องกระจกหรือไม่ เนื่องจากในอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้อำนาจตาม พรบ.ลักษณะปกครองท้องที่ 2457 อนุญาตให้วัดใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องมีขอบเขตและการกำกับดูแลจากหน่วยงานอื่น สำหรับการตั้งกรรมการชุดนี้ไม่ได้ประวิงเวลาตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต เพื่อเลี่ยงถูกร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 แต่เรื่องนี้ยอมรับว่าผู้บริหารระดับจังหวัดหนักใจพอสมควรเพราะเกี่ยวข้องกับต้นไม้สำคัญที่พระระดับราชาคณะยอมรับว่าเป็นดำเนินการถอนรากถอนโคน โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานใดทราบล่วงหน้า และเดิมหากมีการตัดกิ่งไม้เฉพาะส่วนที่แห้งออกไป โดยไม่ขุดรากขึ้นมาทั้งหมดก็จะไม่เป็นปัญหาในแง่การดำเนินการตามกฎหมาย แต่ส่วนตัวยืนยันว่าสภาพรากของต้นศรีมหาโพธิ์ยังสามารถฟื้นฟูได้อย่างแน่นอน ไม่ได้ยืนต้นตายตามที่กล่าวอ้าง
“ สำหรับกิ่งไม้แห้งของต้นศรีมหาโพธิ์ที่นำมาจากเขาช่องกระจก หลังจากวัดตัดกองไว้ ขณะนี้ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่กองอาสารักษาดินแดน แต่เพื่อให้สมพระเกียรติ ได้แจ้งให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนำไปเก็บไว้อาคารพิพิธภัณฑ์เมืองประจวบ แต่เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ายังมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอาคารดังกล่าวยังไม่ได้เปิดใช้งาน หลังจากก่อสร้างเสร็จมานานกว่า 3 ปี”นายพงษ์พันธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ใช้งบ 16.8 ล้านบาท ที่ออกแบบโดยสำนักงานโยธาธิการจังหวัด มีการก่อสร้างรอบลานต้นศรีมหาโพธิ์อายุ 60 ปี ในปี 2560 – 2561 พบว่าบริเวณใกล้เคียงมีร่องรอยการตัดรากต้นไม้ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วในจุดที่มีการสร้างกำแพง ล่าสุดสำนักงานโยธาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงหลังจากสังคมโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าการก่อสร้างอาจมีผลกระทบกับระบบรากพร้อมโพสต์ภาพเพื่อแสดงหลักฐาน และขอให้นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้เร่งพิสูจน์ว่าเป็นรากที่ถูกตัดเป็นต้นศรีมหาโพธิ์หรือไม่ ขณะที่บริเวณดังกล่าวริมกำแพงด้านทิศตะวันออกมีต้นไม้สำคัญเพียงต้นเดียว
นิพล/ภาพข่าวประจวบฯ