ผบช.สตม.เปิดเกมส์รุก !!ใช้งาน เครื่อง Automatic Channel รับชาวฮ่องกง บูมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 กันยายน 2561 ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าโซนตะวันตกชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. เป็นประธานในพิธีเปิดใช้งาน เครื่อง Automatic Channel สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายโจว กวางซี่ เลขานุการโท สอท.จีน นายประพัทธ์ ดิษยทัต รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก นายพรเลิศ กาญจนนิยต ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนด้านการท่องเที่ยว เข้าร่วมงาน

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีความยินดีอย่างยิ่ง ให้บุคคลผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงใช้งานช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติของไทย ในลักษณะเป็นความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยเปิดให้มีการใช้งานอย่างเป็นทางการวันนี้ เพื่อตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเน้นการให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ลดปริมาณผู้โดยสารที่เข้าตรวจกับเจ้าหน้าที่ และจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเดินทางเข้าไทยผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ ราว 800,000 คน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสัญชาติสิงคโปร์และฮ่องกง ที่ใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติได้

ทั้งนี้ การใช้ช่อง Automatic Channel ในการตรวจหนังสือเดินทาง เป็นที่นิยมและใช้งานในหลายประเทศ โดยเฉพาะสนามบินชั้นนำระดับโลก ที่เปิดให้ชาวต่างชาติ ได้มีโอกาสได้ใช้เพื่อลดความหนาแน่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นที่สนามบินหลายแห่ง ซึ่งการตรวจเข้าประเทศด้วยเครื่อง Automatic Channel จะใช้เวลาเพียงรายละ 20 วินาที โดยระบบจะตรวจข้อมูลBercode ในหน้าหนังสือเดินทาง เก็บข้อมูลเที่ยวบินจากบัตรโดยสาร เก็บภาพใบหน้า พิสูจน์อัตลักษณ์ด้วยระบบลายนิ้วมือ ด้วยตัวเอง และทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบคัดกรองและทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ตรวจสอบผู้โดยสารทันทีที่เช็คอินกับสายการบิน ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูง เชื่อถือได้ เสริมสร้างความมั่นคง ให้กับประเทศ ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ คาดว่าจะขยายไปสู่ด่าน ตม. หลักอื่นๆ รวมถึงคน สัญชาติอื่นๆ ตามนโยบายของทางรัฐบาลที่เร่งพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง ในภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย