อุตรดิตถ์พบศพเด็กทารกแรกเกิดอายุ 5 เดือน ตายลอยตามน้ำติดเรือชาวบ้าน แห่จุดธูปให้ไปเกิดกับคนมีบุญพร้อมขอโชคลาภ
วันที่ 21 พฤษภาคม 60 ร.ต.อ.เลข เทียนมล ร้อยเวร สภ.เมืองอุตรดิตถ์ รับแจ้งเหตุพบศพเด็กทารกเปลือยกายนอนตายลอยตามน้ำมาติดข้างเรือชาวบ้าน ในท้องที่หมู่ 6 บ้านบึงหลัก ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ จึงรุดยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยวัดหมอนไม้ พบศพเด็กทารกเปลือยกายนอนตายติดอยู่ด้านทิศเหนือ ข้างเรือไม้สำหรับหาปลาของ ริมตลิ่งแม่น้ำน่านบ้านบึงหลักของ นางเสริม ขันเอีย อายุ 50 ปี เจ้าของเรือและมีอาชีพรับจ้างเฝ้าสวนหอมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้พบศพทารกลอยน้ำมาติดอยู่ที่ข้างเรือเป็นคนแรก
เจ้าหน้าที่ได้นำศพเด็กทารกในสภาพเปลือยเปล่าขึ้นจากน้ำ ทำการชันสูตรพลิกศพทารกแรกเกิดเป็นเพศชาย อายุประมาณ 5 เดือน น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัมเศษ สภาพร่างกายสมบูรณ์ครบ 32 ประการ เหมือนทารกทั่วไป ที่บริเวณสะดือทารกพบสายรกยาวประมาณ 50 เซนติเมตรติดคาอยู่ คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
สาเหตุเบื้องต้นการเสียชีวิตของเด็กทารกครั้งนี้ อาจเกิดจากการคลอดก่อนกำหนด ส่วนจะเป็นการคลอดตามธรรมชาติหรือวิธีผิดปกตินั้นยังไม่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่คงต้องนำศพทารกไปผ่าพิสูตรศพที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป พร้อมประสานโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ตรวจสอบหาผู้เป็นแม่เด็กจากการคลอดทารกที่เสียชีวิต เชื่อว่าจะต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อนำตัวมาสอบสวนถึงกรณีที่ทารกน้อยแรกเกิดเสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย
นางเสริม ผู้พบศพทารกแรกเกิดเสียชีวิตลอยตายน้ำมา กล่าวว่า ครั้งแรกที่พบศพทารกลอยอยู่กลางแม่น้ำน่านและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงพบเห็นศพลอยมาติดอยู่ข้างเรือห่างจากที่พักประมาณ 20 เมตร ได้เรียกแฟนพร้อมหลานมาดูว่าใช่ทารกที่ถูกหรือไม่ นำไม้มาเขี่ยดูพบว่าใช่ทารกนอนเสียชีวิตตาย จึงโทรศัพท์แจ้ง 191 ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบดูถึงการตายของเด็กทารกนี้
“รู้สึกสงสารทารกน้อยที่เสียชีวิตในครั้งนี้ เรื่องโชคลาภไม่ได้คาดหวังว่าเด็กทารกที่เสียชีวิตแล้วจะให้หรือไม่ แต่อยากให้พบเจอภพภูมิที่ดี เกิดมาชาตินี้ถือว่าอาภัพและสิ้นบุญไว หากเกิดใหม่ขอให้พบเจอแม่ที่ดี ” จากนั้น นางเสริม ผู้พบศพทารกเสียชีวิต ได้จุดธูปกล่าวขอให้ไปเกิดยังภพภูมิที่ดี พร้อมบอกโชคลาภให้ด้วย
สมภพ สินพิพัฒนฤดี /อุตรดิตถ์
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ http://www.siamfocustimenews.com