โวย ตร.ทางหลวง จับปืน ผญ.ขณะออกตามหาวัวของชาวบ้านที่หาย ด้านรองผู้ว่าฯ ระบุ พกพาได้เพราะเป็นหน้าที่
วันที่ 29 มิ.ย.60 ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายสมพร จันทร์อ่อน กำนันตำบลหนองทะเล อ.เมืองกระบี่ และเป็นนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.กระบี่ พร้อมด้วยนายมานิตย์ บรรพบุตร อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ประมาณ 10 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ต่อนายนอบ คงพูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีนายมานิตย์ ถูกตำรวจทางหลวงกระบี่ จับกุมอาวุธปืนขนาด .38 ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้าน ซึ่งมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และตำรวจทำหน้าที่โดยมิชอบ
นายสมพร จันทร์อ่อน นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจ.กระบี่ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายมานิตย์ ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่ามีวัวหาย จึงได้ขับรถยนต์ออกมาถึงบริเวณถนนเพชรเกษม ม.2 ซึ่งก็เป็นหมู่บ้านของผู้ใหญ่ ปรากฏว่าพบตำรวจทางหลวงมีนายตำรวจยศ ร.ต.อ.ตั้งด่านลอยอยู่ และได้เรียกให้ผู้ใหญ่หยุดรถ จากนั้นถามว่าพกอาวุธปืนมาหรือไม่ เมื่อผู้ใหญ่ตอบว่าพกมาวางอยู่ในรถ ก็ได้ให้ลงจากรถ ผู้ใหญ่ได้แจ้งว่า เป็นผู้ใหญ่บ้านกำลังไปติดตามวัวที่หาย ตร.ทางหลวงนายดังกล่าวก็ถามต่อว่า มีใบอนุญาตพกพาหรือไม่ ผู้ใหญ่บอกว่ามี แต่อยู่ที่บ้าน เมื่อจะกลับไปเอา ตร.ก็ไม่ยอม จากนั้นก็นำส่งสภ.อ่าวลึก ดำเนินคดีข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งกรณีนี้ ตร.ทางหลวงทำไม่ถูกต้อง เพราะผู้ใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกำลังออกปฏิบัติหน้าที่ แม้จะแจ้งแล้ว แต่ก็ไม่ยอมรับฟัง จึงจำเป็นที่จะต้องเดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เพราะมองว่าถูกกลั่นแกล้ง หลังจากนี้จะเดินทางไปร้องต่อ ปปช. เพื่อให้สอบสวนเนื่องจากตร.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป
ด้านนายนอบ คงพูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางจังหวัดให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ต้องมองว่า ผู้ใหญ่นั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และมีอำนาจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้านของตน การพกพาอาวุธปืนสามารถทำได้ เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้าน เป็นเจ้าพนักงาน ตามพรบ.ปกครองท้องที่ 2457 การพกพาอาวุธปืนในมาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ.การพกพาอาวุธปืน พ.ศ.2490 ที่ระบุว่า ห้ามผู้ใดพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แต่กรณีของผู้ใหญ่ เป็นการทำตามหน้าที่ ซึ่งก็สามารถพกพาอาวุธปืนได้ แต่ก็ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะเป็นผู้ดำเนินการตามคดี แต่กรณีของผู้ใหญ่นั้นต้องบอกว่า สามารถพกพาได้ เพราะเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และเป็นการพกพาในหมู่บ้านของตนเอง นอกจากนั้นหากผู้ใหญ่มองว่า ตร.ทำหน้าที่ไม่ชอบ ก็สามารถไปร้อง ปปช.กล่าวหาในมาตรา 157 หรือฟ้องศาลทุจริตและประพฤติมิชอบก็ได้ และเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะการทำงานนั้นต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ
ด้าน พ.ต.ต.ธรรมศักดิ์ พลเดช สารวัตรตำรวจทางหลวงพังงา รับผิดชอบพื้นที่ กระบี่ พังงา ภูเก็ต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้น ทราบว่าทางตำรวจทางหลวงได้ตั้งด่านตามปกติ และพบชายไทยพกพาอาวุธปืน ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ เมื่อมีการพกพาอาวุธปืนก็ได้ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการที่กฎหมายจะให้อำนาจผู้ใหญ่บ้านพกพาอาวุธปืนหรือไม่นั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้น เป็นไปตามหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งใดๆ และต้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน
ข้อมูลข่าว/ ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ http://www.siamfocustimenews.com