รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมก่อนงานพระราชพิธี
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป1) พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (ปป11) พล.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป33) และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการทุกหน่วยในสังกัด เข้าร่วมประชุม VDO Conference มาตรการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ รัชกาลที่ 9 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร.
ด้วยระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2560 เป็นห้วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคเป็นจำนวนมาก อาจมีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี เข้ามาฉกฉวยโอกาส สร้างสถานการณ์ก่อเหตุร้าย หรือความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ ขึ้นได้ ท่าน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึงช่วงก่อนพระราชพิธีฯ เพื่อให้ภาพรวมการจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน ซึ่ง ตร. ได้มีวิทยุสั่งการให้ทุกหน่วย ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในห้วงเดือน กันยายน-ตุลาคม 2560 กำหนดเป็น 3 ช่วง ใน 3 กลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืน ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า โดยจะมีการประเมินผล กำหนดเป้าหมายการจับกุมต้องไม่น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเดียวกันของปี 59 ที่ผ่านมา มีรายละเอียดข้อสั่งการโดยสรุป ดังนี้
1. ให้ บช.น. ภ.1-9 และ ก. ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใน 3 กลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืน ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า กำหนดการระดม แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 วันที่ 6 – 15 ก.ย.60 ช่วงที่ 2 วันที่ 21 – 30 ก.ย.60 ช่วงที่ 3 วันที่ 6 – 15 ต.ค.60 โดยบูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วน ให้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้าง ปิดล้อมตรวจค้น หรือกิจกรรมอื่นๆ และแจ้งผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ที่รับผิดชอบพื้นที่ทราบ เพื่อร่วมดำเนินการ แล้วรายงานผลให้ ตร.ทราบ การประเมินผลการปฏิบัติ จะพิจารณาผลการจับกุม คดีกลุ่ม 4
โดยเฉพาะเป้าหมายอาวุธปืน ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า ในภาพรวม 2 ห้วง คือ ตั้งแต่ 1-30 ก.ย.60 และ 1-15 ต.ค.60 ทุกหน่วยต้องมีการผลจับกุมตามเป้าหมายที่ตั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเดียวกันของปี 2559 โดยให้ รอง ผบช./ ผบก./ รอง ผบก. ที่รับผิดชอบ ลงไปควบคุม กำกับ ให้มีการปฏิบัติอย่างเข้มข้น จริงจัง บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
2. การจับกุมตามหมายจับค้างเก่า เนื่องจากแต่ละหน่วยกำหนดเป้าหมายการจับกุมไว้แตกต่างกัน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน จึงให้ทุกหน่วยกำหนดเป้าหมายไว้อย่างต่ำ ที่ร้อยละ 3 ต่อเดือน ของหมายจับค้างเก่าทั้งหมด และเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมาย
3. การสอบสวนคดีสำคัญ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารติดตามคดีสำคัญ ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ไว้แล้ว ขอให้ทุกหน่วยที่มีคดีสำคัญในความรับผิดชอบ เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากพบว่าล่าช้าโดยไม่มีเหตุอันควร จะพิจารณาข้อบกพร่องหน่วยที่ยังไม่รายงานผลการตรวจสอบฯ
4. กำชับเรื่องการแจ้งความของพนักงานสอบสวน ขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามระเบียบ กฎหมาย อย่างเคร่งครัด เนื่องจากปัจจุบันการสื่อสารทางโซเชียลมีเดีย มีผลต่อการปฏิบัติงานของตำรวจมาก หากปฏิบัติโดยมิชอบ หรือไม่ถูกต้อง จะเกิดความเสียหายต่อหน่วย และภาพรลักษณ์ขององค์กร
5. กำชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สายตรวจ เน้นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการบันทึกภาพขณะปฏิบัติงาน การใช้ข้อมูลจากกล้อง CCTV มาใช้ในการบริหารการป้องกันเหตุในพื้นที่ รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมือในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ
เบญจมาศ อักษรนิตย์ รายงาน
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ http://www.siamfocustimenews.com