ปทุมธานี ผู้ได้รับผลกระทบที่ดินอัลไพน์ธรณีสงฆ์ร่วมเสวนาปัญหาและหาทางออกร่วมกัน
เมื่อวันที่ 10 ก.ย.60 เวลา 17:00 น. ชาวบ้านหมู่บ้านธานีและชาวบ้านซอยสามัคคีจำนวน 100 คน ร่วมเสวนาทางออกผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ดินอัลไพน์ ธรณีสงฆ์ ครั้งที่ 1 โดยมีทหารดูแลความสงบในพื้นที่อำเภอคลองหลวงเข้ามาสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อย ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
แม้ขณะนี้ทางภาครัฐจะยังไม่ได้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้นก็ตาม หรือขณะนี้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ อาจจะอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์อยู่ก็ตาม ซึ่งก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลสุดท้ายจะออกมาในรูปแบบไหน จะจบอย่างไร จบเมื่อไร แต่สิ่งที่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ดินอัลไพน์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต กรมที่ดินก็เป็นผู้ออกโฉนดให้ อีกทั้งสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนก็รับจดจำนองให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านและที่ดินดังกล่าว โดยที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ประชาชนมาซื้อโครงการก็เปลี่ยนชื่อจาก อัลไพน์ มาเป็น ราชธานี ทำให้ไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกัน เบื้องต้นภายหลังการเสวนาพูดคุยปัญหาร่วมกันแล้วได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้าและผลของกรณีนี้
จากการสอบถาม รท.โรมรัน ศรีวงชัย อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 88/129 ภายในหมู่บ้านราชธานี กล่าวว่า ประชาชนต่างทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำมาครึ่งค่อนชีวิตเพื่อให้มีบ้านซุกหัวนอน เมื่อมีข่าวนี้ออกมาตามสื่อต่างๆทำให้พวกเราผู้ครอบครองโฉนดที่ดินมีความกังวลอย่างมากว่าพวกเราจะยังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่หรือไม่ ทรัพย์สินที่ครอบครองจะยังมีมูลค่าตามเดิมหรือไม่ และจะสามารถเป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานได้หรือเปล่า ยามที่มีความจำเป็นจะสามารถใช้ทรัพย์สินในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้หรือไม่ ซื้อ ขาย จ่าย โอน ได้อย่างไร ในส่วนตัวแล้วตนเองซื้อบ้านด้วยการผ่อนชำระจากสถาบันการเงิน สหกรณ์ออมทรัพย์ จนสามารถผ่อนชำระหมดแล้ว เป็นเงิน 1,600,000 บาท โดยอาศัยมาเป็นเวลา 10 ปี เพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ หากให้ไปเริ่มต้นผ่อนชำระบ้านใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ สถาบันการเงินก็คงจะไม่ให้ผ่อนอย่างแน่นอน ส่วนผู้ที่อายุยังน้อยก็ไม่มีใครอยากย้าย เนื่องจากมีความเคยชิน เกิดความรักกับถิ่นที่ตัวเองอยู่อาศัยที่นี่แล้ว
ด้าน นายพีระทีปต์ สาโรจน์กิตติกุล อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 88/149 ภายในหมู่บ้านราชธานี กล่าวว่า ตนเองประทับใจในสภาพบ้านและสภาพแวดล้อมและไม่ไกลจากที่ทำงาน จึงชอบและตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ ในขณะที่ตัดสินใจซื้อนั้นตนเองไม่เคยทราบข่าวกรณีเกี่ยวกับธรณีสงฆ์มาก่อนเลย มูลค่าที่ซื้อเวลานั้นคือ 1,590,000 บาท วันนี้พวกเราร่วมเสวนาปรึกษาหารือกันเพื่อหาทางออกว่าจะมีทางออกอย่างไรกับผลกระทบนี้ โดยเรายังมีกรรมสิทธิ์ในแปลงที่ดินที่ครอบครองอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนประชาชนที่ยังผ่อนชำระกับสถาบันการเงินอยู่จะต้องผ่อนต่อไปหรือเปล่า ช่องทางเยียวยาจะมีหน่วยงานไหนรับผิดชอบ
ส่วน นายสังคม สุวรรณนิ่ม อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 88/9 ภายในหมู่บ้านราชธานี กล่าวว่า ตนเองมาซื้อบ้านเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในราคา 2,450,000 บาท ที่ตัดสินใจซื้อเนื่องจากบรรยากาศความสงบเงียบ คนไม่พุกพราน คมนาคมสะดวก ไม่มีการจราจรที่แออัด ที่ผ่านมาเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพราะว่าเอกสารสิทธิ์ที่เรามีก็เป็นหน่วยงานราชการออกเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องให้จากกรมที่ดิน แบงค์ก็ให้สินเชื่อตามปกติ เราจึงตัดสินใจซื้อและมาอาศัยอยู่ที่บ้านแห่งนี้ อยากให้เรื่องนี้มีความชัดเจนโดยเร็วยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านมีความเครียดและวิตกกังวล
ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ และ ทีมข่าวv.13 รายงาน
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ http://www.siamfocustimenews.com