กรมธนารักษ์ เร่งขับเคลื่อนโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร หรือซีเนียร์ คอมเพล็กซ์ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ได้รับการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ที่ห้องประชุมสิงขร ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ ร่วมเป็นประธานประชุมการประชุมดำเนินโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร หรือซีเนียร์ คอมเพล็กซ์ โดยมีคณะผู้บริหารกรมธนารักษ์ ผู้บริหารโรงพยาบาลวชิระ กทม. ธนารักษ์พื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ รองนายกเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวซึ่งได้มีการกำหนดใช้ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข.320 ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง ริมทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่กว่า 11 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้าง
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้เห็นชอบการดำเนินโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ภายใต้กรอบการดำเนินการในหลักการเดียวกับโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยนำที่ดินราชพัสดุที่มีศักยภาพเหมาะสมมารองรับการดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 โดยมีจังหวัดนำร่อง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครนายก เชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยมีการวางระบบการดูแลรักษาสุขภาพผู้สูงอายุที่ดีและมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพ ภายในโครงการแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ โซนแรกเป็นห้องชุดขนาด 30-55 ตารางเมตร สร้างเป็นที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ โซนที่ 2 และ 3 เป็นโซนที่ดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ และส่วนของโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะใช้งบประมาณของโรงพยาบาลวชิระมาสนับสนุน ผู้สูงอายุที่ดูแลตัวเองได้จะอยู่โซนแรก แต่พอเริ่มดูแลตัวเองไม่ได้ต้องย้ายไปอยู่โซนที่บุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ และคณะ ยังได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข.320 เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแนวทางขับเคลื่อนการก่อสร้างโครงการซึ่งอาจจะเปิดให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุนด้วย โดยราคาบ้านต้องรอแบบที่เอกชนจะเสนอมา มีเงื่อนไขให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 55 ปี สามารถอยู่ได้ 30 ปี กรณีเสียชีวิตก่อนต้องขายบ้านคืนโรงพยาบาลในราคามีส่วนลด เช่น ถ้าอยู่ไป 10 ปี เหลือเวลาอีก 20 ปี ราคาบ้านที่จะขายคืนโรงพยาบาลจะได้น้อยกว่าที่ซื้อครั้งแรก เพราะถือว่าอยู่มาก่อนแล้ว ซึ่งโรงพยาบาลจะนำมาปรับปรุงและเปิดขายให้ผู้สูงอายุรายต่อไปได้อาศัยอยู่ต่อ ทั้งนี้ จะต้องเสียค่าส่วนกลาง ที่เป็นหน่วยพยาบาล การใช้พื้นที่สันทนาการอื่นๆ
นิพล ทองเก่า รายงาน