ตร.191 นำเด็กแว้นซ์เข้าค่ายทหารตามโครงการ”สร้างภูมิคุ้มกัน สานฝันเด็กเเละเยาวชนไทย”รุ่นที่1 มุ่งหวังให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการขับขี่
2 ส.ค.60 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 5 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. หรือ 191 นางรัชดาวรรณ ศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน นายศักดิ์ชัย ค้ำชู ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ กรุงเทพมหานคร พ.อ.ก้อง ไชยณรงค์ ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก(ผอ.กนผ.สวพ.ทบ.) ร่วมกันเปิดโครงการอบรมเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมในการเเข่งรถในทาง หลักสูตร “สร้างภูมิคุ้มกัน สานฝันเด็กเเละเยาวชนไทย” รุ่นที่ 1 โดยมีเยาวชนซึ่งเป็นเด็กแว้น 28 คน มาเข้าค่าย ณ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน จำนวน 5 วัน ระหว่างวันที่ 2-6 ส.ค. ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการร่วมกันในการจัดหลักสูตรโดยมีผู้เเทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมกิจการเด็กและเยาวชน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการอบรมเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมในการเเข่งรถในทาง หลักสูตร “สร้างภูมิคุ้มกัน สานฝันเด็กเเละเยาวชนไทย” รุ่นที่ 1 ตามคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่22/2558 เเละคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 46/2558 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 ส.ค.2560 ซึ่งโครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการประสานกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ ที่ 22/2558 มีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมในการแข่งรถทางสาธารณะ รวมทั้งให้คำแนะนำแนวทางกับผู้ปกครองในมติใหม่ ผนวกศาสตร์การโค้ชโดยวิทยากรชั้นนำ รวมทั้งให้ความรู้ผ่านกิจกรรมหลากหลายและบุคคลต้นแบบ หวังสร้างเเรงกระตุ้นเเละแรงบันดาลใจให้เด็กเเว้นคืนสู่สังคมด้วยพลังสร้างสรรค์ เพิ่มความผูกพันในครอบครัว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยเวลากว่า 6 เดือน ที่ผ่านมาสถิติการร้องเรียนลดลงมากกว่า 50 % สถิติปัญหาเด็กเเว้น ปี 2559 ได้รับเเจ้งเหตุทั้งสิ้น 11,151 เหตุ เท่ากับรับเเจ้งกว่า 30 เหตุ ต่อคืน จากเดิมศูนย์รับเรื่องร้องเรียน191 ได้รับแจ้งเหตุเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะสัปดาห์ละ 200 ครั้ง ขณะนี้เหลือประมาณ 10 ครั้ง นอกจากนี้ยังได้จับกุมผู้ที่ชักชวนให้มีการแข่งรถ จำนวน 25 คน ปิดหน้าเพจเฟซบุ๊ก 34 เพจ และเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. รวมทั้งอู่ซ่อมรถรับเเต่งรถซิ่งจำนวน 41 จุด ตรวจยึดปลายท่อเเละคอท่อ จำนวน 3,252 ชิ้น ตรวจยึดท่อไอเสีย จำนวน 456 ชิ้น อุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 3,681 ชิ้น อุปกรณ์ทำท่อ จำนวน 7 ชิ้น
นอกจากนี้สถิติการรับเเจ้งเหตุเเข่งรถในทาง ปี 2559 รับแจ้งเหตุรวมทั้งสิ้น 11,151 เหตุ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุด คือระหว่างเวลา 24.00 – 02.00 น. โดยประมาณ เส้นทางที่เกิดเหตุสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่
1.ถนนวิภาวดีรังสิต(ทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข 31) จำนวนเหตุ 175 ครั้ง 2.ถนนสุวินทวงศ์ จำนวนเหตุ 144 ครั้ง 3.ถนนพระราม3 จำนวนเหตุ 141 ครั้ง 4.ถนนกาญจนาภิเษก (ตะวันตก) จำนวนเหตุ 120 ครั้ง 5.ถนนสาธุประดิษฐ์ จำนวนเหตุ 117 ครั้ง 6.ถนนราชวิถี จำนวนเหตุ 108 ครั้ง 7.ถนนเพชรเกษม จำนวนเหตุ 95 ครั้ง 8.ถนนรามอินทรา จำนวนเหตุ 93 ครั้ง 9.ถนนพระราม6 จำนวนเหตุ 86 ครั้ง 10.ถนนพัฒนาการ จำนวนเหตุ 85 ครั้ง
อย่างไรก็ตามมีผลการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ได้ออกปฏิบัติการจำนวน 17 ครั้ง ได้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ 2,668 คัน ยึดรถจักรยานยนต์ 803 คัน ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 653 ราย แบ่งเป็นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด 46 ราย พ.ร.บ.จราจรทางบก, รถยนต์ฯ 607 ราย มีสถิติการอบรมให้ความรู้ รวมผู้ผ่านการอบรมตามโครงการทั้งสิ้น 1,435 คน เเบ่งเป็นเยาวชนเเละผู้ปกครอง 1,327 คน อาจารย์ฝ่ายปกครองสถาบันต่างๆ 44 คน ผู้ประกอบการซ่อมเเละดัดเเปลงรถ 64 คน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมการปฏิบัติการปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะประสบความสำเร็จ และต้องชื่นชมเยาวชนที่ถูกจับกุมที่มาเข้าร่วมโครงการและเข้ารับการอบรม ที่ผ่านมาเยาวชนที่มาอบรมไม่มีการกลับมาทำความผิดซ้ำอีก ตนเชื่อมั่นว่าเยาวชนเหล่านี้จะกลับเข้าสู่วัยเรียน วัยทำงานได้
อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหานี้จะแก้เพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หลังจากอบรมเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่จะมีการติดตามพฤติกรรมของเยาวชนเหล่านี้ต่อไป ทั้งนี้ฝากประชาสัมพันธ์ว่าการแข่งรถในทางสาธารณะยังเป็นความผิดทางอาญาอยู่ และผู้ปกครองก็จะมีความผิดด้วย
เบญจมาศ อักษรนิตย์ รายงาน
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ http://www.siamfocustimenews.com